วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553
แนะนำการ์ตูนดนตรี BECK : The Mongolian Chop Squad
ผมของแนะนำการ์ตูนดนตนอกกระแสเรื่อง "BECK : The Mongolian Chop Squad ปุปะจังหวะฮ่า"
การ์ตูนเกี่ยวกับการดนตรีอินดี้ของญี่ปุ่น(ซึ่งบางอย่างคล้ายๆ ประเทศบางประเทศ)เรื่องราวของวง Beck หรือ The Mongolian Chop Squad ที่มีสมาชิก โคะยูกิ นักร้อง+กีต้าร์ (คนกลาง) ที่มีน้ำเสียงที่ไพเราะ, ริวสุเกะ กีต้าร์ลีดท์(ขวาล่าง) มือกีต้าร์มือแนวแจ๊ส และบลูส์ ที่ทรงพลัง,ไทระ มือเบส(ขวาบน) กับการเล่นเบสแนวพังค์, จิบะ ร้องนำ(ซ้ายล่าง) แร๊ฟเปอร์ที่มีลีลาชักจูงผู้ฟังให้สนุกไปกับเพลงที่เค้าร้อง และ ซาคุ มือกลอง(ซ้ายบน) มือกลองที่จังหวะการเล่นที่โดดเด่น
ที่ดำเนินเรื่องผ่านตัวเอก โคะยูกิ เด็กหนุ่มมัธยมทั่วไปในญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากมาย จนกระทั้งเค้าได้ไปเจอหมาที่หน้าตาประหลาดตัวหนึ่ง(เหมือนหมาหลายตัวมา ประกอบกัน)ที่ชื่อ Beck และเจ้าของมัน มินามิ ริวสุเกะ ชายหนุ่มผู้ที่มีกีต้าร์ Les Paul ในตำนานเพลงบลูที่มีรอยกระสุน พร้อมกับน้องสาวของเค้า มินามิ มาโฮ สาวนักเรียนนอกที่มีความมั่นใจสูง ทำให้โคะยูกิเริ่มค้นพบตัวเองและพรสวรรค์ของเค้า แล้วพาตัวเองไปในโลกของดนตรีร็อค จนกลายเป็นวงอินดี้ร็อคที่สร้างตำนาน
ถ้าคุณดูเรื่องนี้ในตอนแรกคุณอาจจะอึดอัดนิดหน่อย เพราะเรื่องจะเริ่มจากชีวิตธรรมดาของพระเอกที่ไม่ได้เด่นในด้านใดเลย จนเริ่มที่จะหัดเล่นกีต้าร์ และค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง(ที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะรู้ตัว) แล้วก็ได้เข้าวงดนตรีกับกลุ่มริวสึเกะอย่างเต็มตัว ช่วงแรกออกจะดูตลกเบาสมองนิดๆเหมือนชื่อเรื่องภาษาไทยว่าปุปะ จังหวะฮ่า แต่ช่วงกลางเรื่องนี้จะมีความเครียดค่อนข้างมาก โดยมีบทฮ่ามาเบรคอารมณ์ไว้บ้าง ซึ่งเนื้อเรื่องจะเป็นปัญหาชีวิตและปมของแต่ล่ะคนในวง การออกตระเวนเล่นตามไลฟ์เฮ้าท์ต่างๆ ต้องสู้รบตบมือกับอิทธิพลของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นที่พยายามขัดขวาง ต้องเอาศรัทธาในดนตรีของพวกเขาเข้าเดิมพันกับเจ้าพ่อวงการเพลงของอเมริกาที่ เห็นดนตรีเป็นแค่ของซื้อขายเท่านั้น เรื่องช่วงหลังจะเน้นการแสดงการรวมตัวกันของกลุ่มวงอินดี้ที่ต้องการจะแสดง พลังของตัวเอง และศรัธาในดนตรีที่ไม่ยอมถูกกลืนจากระบบของค่ายใหญ่ ถ้าดูจนถึงช่วงท้ายๆ ของเรื่องเหมือนจะสื่อว่า "จงศรัทธาในดนตรีของตน"
งานภาพในช่วงแรกอาจจะดูขัดๆ แต่ดูมาเรื่อยคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายๆ ซีนในเรื่องถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีเยี่ยม การผูกเรื่องส่งอารมณ์ได้ดี รายละเอียดฉากเวทีคอนเสิร์ต และอุปกรณ์ดนตรีต่างๆ อ้างอิงจากของจริงที่มีอยู่(ยกกันมาทั้ง Les Paul, SG , White Falcon และอื่นๆ) ทำออกได้ดีมาก ส่วนปกแต่ล่ะตอนก็ล้อปกเทปปก CD วงร็อคดังๆ หลายๆ วง
การ์ตูนเรื่องนี้ในไทยฉบับหนังสือการ์ตูนออกมาแล้ว 32 เล่ม ในชื่อ "ปุปะจังหวะฮ่า" โดยสำนักงานพิมพ์วิบูลย์กิจ คิดว่าอีก 2 เล่มก็จบ เพราะทางญี่ปุ่นจบไปแล้ว(ส่วนตัวดูจบแล้วด้วย) ในภาคอนิเมชื่อ "BECK : The Mongolian Chop Squad" มี 25 ตอน ตัวละครถูกปรับให้ดูเป็นแนวอนิเมมากขึ้น เพลงประกอบแต่ละเพลงดีมาก ให้วงอินดี้ทำกัน และค่อนข้างตรงกันในหัวคิดไว้ว่าเพลงมันต้องประมาณนี้(อันนี้ความคิดส่วนตัว นะ) เรื่องนี้เป็นอนิเมทที่พูดสำเนียงอังกฤษกันชัดมากเรื่องหนึ่งท่าที่ดูอนิเม ญี่ปุ่นมา อันนี้ใครสนใจต้องหาดูกันเอง เพราะบ้านเราคงไม่มีใครซื้อเค้ามาฉาย(UBCเคยเอามาออกอากาศทีล่ะ) คงไม่ยากเกินไปที่จะหาน้อ อันนี้ตัวอนิเม
ทีี่่มาครับ : http://nikki009.exteen.com/20090425/beck-the-mongolian-chop-squad
วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553
วงดนตรีของไทย ที่(ฝีมือ)ไปไกลถึงระดับโลก

Dezember สุดยอดวง "PROGRESSIVE DEATH METAL" ของเมืองไทย ดนตรีที่ดุดันรุนแรงสไตล์ Death Metal ความประณีตของลูกโซโล่ทั้งหลายและการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในสไตล์ Progressive มีจังหวะที่เร็วและช้าที่สมดุลกันเป็นอย่างดี เนื้อหาเพลงก็สะท้อนสังคมไทยได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะชุดแรก(ไม่แนะนำให้สุภาพสตรีฟัง! เพราะอาจจะรับไม่ได้)
มาดูประวัติวงนี้กันเลยดีกว่า
DEZEMBER ก่อตั้งขึ้นเมื่อธันวาคมปีพ.ศ. 2536(1993) โดยสยาม ชุมทอง (ต้น) และวรพจน์ สิงห์น้อย (โต้ง) มือกีตาร์และมือเบสในยุคเริ่มต้น โดยที่ทั้งคู่แยกตัวออกมาจากวงดนตรีวงหนึ่งชื่อ MADHOT ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ได้เข้าร่วมการประกวด PEPSI MUSIC FESTIVAL เมื่อปีพ.ศ. 2536(1993) และเป็นวงดนตรีชนะเลิศของปีนั้น โดยที่ต้นได้รับรางวัลมือกีตาร์ยอดเยี่ยมคู่กับเอ็ม (มือกลองในขณะนั้น) ได้รับรางวัลมือกลองยอดเยี่ยม
ภายหลังจากที่ได้ออกมาจาก MADHOT ต้นและโต้งได้แต่งเพลงขึ้นมาอีก 3 เพลง ชื่อเพลง "คนโลกแคบ" "อสูรกาย" "เดนสงคราม" โดยที่เพลง "ลัทธิซาตาน" เป็นเพลงที่เขียนเนื้อร้องขึ้นมาใหม่ จากเพลงเก่าชื่อ "บาป" ที่แต่งไว้เพื่อใช้เล่นในงานประกวดโดยที่ใช้ทำนองเดิม ในขณะเดียวกัน ประภาส หล้าคำ (ภาส) ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนกันกับทางวงก็ได้มีโครงการที่จะจัดงานคอนเสิร์ตขึ้นมา ภาสกับต้นจึงได้ปรึกษากันเรื่องที่จะต้องหามือกลองให้กับวงเพื่อที่จะได้ ร่วมเล่นงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ภาสได้ชักนำต้นให้รู้จักกับมือกลองคนหนึ่ง รัตน์ โกบายาชิ (รัตน์) ซึ่งในขณะนั้นเล่นดนตรีประจำอยู่ที่ METAL ZONE ณ ตึก HOLLYWOOD STREET ซึ่งภาสได้เคยมานั่งฟังดนตรีที่นี่มาก่อน หลังจากที่ทั้งสามคนได้ทำความรู้จักกันแล้วก็ได้ตกลงที่จะเล่นดนตรีร่วมกัน ในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทั้งหมดได้ไปซ้อมดนตรีกันอยู่ที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ ซอย41 ที่ซึ่งเป็นบ้านของ "โอ๋" เพื่อนผู้โอบอ้อมอารีในยามนั้น และเป็นที่ซ้อมดนตรีประจำของวง MURDERS ซึ่งเป็นวงดนตรีใต้ดินที่รัตน์ได้ร่วมเล่นอยู่ ภายหลังจากที่ทุกอย่างเพียบพร้อม งานคอนเสิร์ตก็เริ่มต้น และคอนเสิร์ตครั้งนั้นมีชื่อว่า PAIN OF DEATH เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของแนวดนตรีใต้ดินยุคใหม่ในเมืองไทย ที่หลายคนยังชอบเรียกว่า "คอนเสิร์ต DEATH ครั้งแรกของเมืองไทย"
วงดนตรีที่ได้ร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์หน้านั้น เรียงตามลำดับการเล่นก่อนหลังได้ดังนี้
1) MACARONI
2) MORE FUNNING
3) DEZEMBER
4) MURDERS
5) SILLY FOOLISH (ปัจจุบันคือ SILLY FOOLS)
6) GERONIMO
7) HERETIC ANGELS
โดยที่ในวันนั้น DEZEMBER ได้เล่นเพลง 3 เพลง คือ "ลัทธิซาตาน" "คนโลกแคบ" "อสูรกาย" โดยเพลงอสูรกายในวันนั้นได้มีเพื่อนมาแจมร้องหนึ่งคนคือ สมชาย แซ่อึ้ง หรือโอเล่แห่ง MURDERS ในขณะนั้น (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น ดนตร์ ศิลป์ศรุต)
หลังจากคอนเสิร์ตในวันนั้นแล้ว ต้นกับโต้ง จึงได้มีความคิดที่จะทำ EP สำหรับเพลงทั้งสี่ที่ได้แต่งขึ้นมาจึงได้ปรึกษากับภาสเรื่องนี้ ภาสจึงตกลงจะเป็นนายทุนออกเงินให้สำหรับงาน EP งานแรกของ DEZEMBER พร้อมกับตั้งชื่อสังกัดขึ้นมาว่า "จุติภูติ เรคคอร์ดส์" และ EP แรกของวงที่ออกมาในปีพ.ศ. 2537(1994) ก็ถือกำเนิดขึ้นมีชื่อว่า "ลัทธิซาตาน" โดยที่ต้นทำหน้าที่ กีตาร์และร้องนำ โต้งทำหน้าที่เบส และกลองใช้เป็นกลองโปรแกรม
ภายหลังจากที่งานได้ออกวางจำหน่ายก็ได้มีการตอบรับจากผู้ฟังเป็นอย่างดี ทางวงจึงได้เริ่มทำงานชิ้นที่สอง ซึ่งคราวนี้เป็นงาน LP และต้นต้องการที่จะทำในส่วนกีตาร์ของเขาให้เต็มที่ จึงได้หานักร้องนำ คำรณฐ์ คะระนันท์ (กุ้ง) มาทำหน้าที่นี้ และคราวนี้ต้นต้องการเสียงกลองจริงที่ตีด้วยคน ต้นจึงได้หามือกลองอีกครั้ง และรัตน์ก็ได้มาทำหน้าที่กลองใน LP นี้ในที่สุด งานใหม่ของ DEZEMBER ในครั้งนี้มีชื่อว่า "วินาศกรรม" วางจำหน่ายในปีพ.ศ. 2538(1995) โดยในงานนี้ได้มีเพลงที่มีชื่อวงอยู่ด้วยคือเพลง DEZEMBER
หลังจากที่งานชุด "วินาศกรรม" ได้ประสบความสำเร็จ ทางวงก็ได้ติดต่อกับ SONY MUSIC (THAILAND) CO.,LTD. เพื่อที่จะย้ายเข้าไปอยู่กับทางบริษัท โดยหลังจากที่ได้ย้ายไปอยู่กับทาง SONY MUSIC แล้ว ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนตัวนักดนตรีเป็นดังนี้
คำรณฐ์ (กุ้ง) คะระนันท์ : ร้องนำ
สยาม (ต้น) ชุมทอง : กีตาร์
วรพจน์ (โต้ง) สิงห์น้อย : เบส
พีรพัฒน์ (โจ๊ก) กฤษเพชร : กลอง
DEZEMBER ได้ออกผลงานเพลงมาอีกสองอัลบัม คือชุด "บาป" ในปีพ.ศ. 2540(1997) และชุด "คลั่ง" ในปีพ.ศ. 2541(1998) โดยในชุด "คลั่ง" นี้ทางวงได้พี่อุกฤษ พิทักษ์ประชากิจ มือกีตาร์แห่งวง "วิปลาส" ผู้เป็น SOUND ENGINEER มาช่วยในงาน MIX DOWN ให้แก่อัลบัมนี้ ทั้งสองอัลบัมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนเพลงของทางวงที่แน่นหนาขึ้น เรื่อยๆ
จากนั้นต้นได้ขอลาออกมาจาก SONY MUSIC ในปีพ.ศ. 2542(1999) ด้วยเหตุผลส่วนตัวและสมาชิกส่วนที่เหลือได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น SHOGUN JUMP โดยยังอยู่กับทาง SONY MUSIC
และในขณะที่เพลงที่สี่ของงานเพิ่งจะเสร็จเรียบร้อยนั่นเอง DEZEMBER ภายหลังจากที่ประกาศหาและ AUDITION นักร้องนำมาหลายคนจึงได้ นรเทพ จินดามาตย์ (ออฟ) มารับหน้าที่ร้องนำ ออฟเป็นคนที่มีร่ายกายสูงใหญ่ดังนั้นเมื่อเวลาอยู่บนเวทีก็ไม่ต้องห่วง เรื่องผู้คนจะมองหาเขาไม่เจอ และประกอบกับเขาเป็นคนที่ร้องเพลงได้ชัดเจนและหนักแน่น มีน้ำเสียงในการสร้างอารมณ์เพลงได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ LINE UP ของ DEZEMBER ในครั้งใหม่นี้เผ็ดร้อนแสบลิ้นได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว
เพลงที่ 1 ดวงจัณฑาล
เพลงที่ 2 ศรัทธาหรือสัตว์ทา
เพลงที่ 3 หอกข้างชาติ
เพลงที่ 4 ดอกทองแด่เธอ
เพลงที่ 5 เพชรฆาตหน้าตัวเมีย
เพลงที่ 6 ร่าน ซ่าน เงี่ยน
เพลงที่ 7 VIVA UNDERGROUND SOCIAL
เพลงที่ 8 ขอสันติภาพจงมีแด่โลก
โดยที่เพลงที่ 8 นั้น ต้นและรัตน์ได้ตกลงทดลองให้เกิดการแต่งกลองขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยใส่อย่างอื่นเข้าไป พวกเราเข้าห้องอัดกันเมื่อหน้าฝนของปีพ.ศ. 2545(2002) ที่ห้องอัด JACK SOUND SYSTEM ลาดพร้าว 71 โดยทำการอัดเสียงกลองเป็นอันดับแรก ผ่านกระบวนการเก็บต้นเสียง (SOURCE) อย่างพิถีพิถันโดยพี่อุกฤษ พิทักษ์ประชากิจ พี่ชายแห่งวง "วิปลาส" ผู้คุ้นเคยนั่นเอง หลังจากนั้นจึงได้อัดกีตาร์และเบสสลับกันไป และก็ถึงเวลาอัดเสียงร้อง พวกเราอัดกันไปได้เพียงสี่เพลงเท่านั้นก็เกิดปัญหาขึ้น ปัญหาที่นายทุนของงานนี้ทอดทิ้งหายตัวไป เราอยู่อัดที่นั่นต่อไม่ได้จึงต้องพักงานกันเป็นเวลาเกือบสองปีเต็ม สุดท้ายพวกเราจึงตัดสินใจยืนบนขาของตัวเอง ต้นทำสัญญายอมเป็นหนี้เพื่อที่จะได้เอางานอัลบัมนี้ออกมาทำต่อ ความล่าช้าเกิดขึ้นรอบที่สองเมื่อทางห้องอัดไม่ค่อยมีเวลาว่างพอที่จะให้เรา นัดเพื่อที่จะมาเอาต้นเสียงของเราออกไปทำต่อ พวกเราต้องรอไปอีกระยะหนึ่งจึงได้ต้นเสียงกลับมาทำต่อไป แต่คราวนี้ทำที่บ้านโดยได้ความอุปการะจากปิยมิตรผู้เต็มใจจะยื่นมือเข้าช่วย เหลือเขาคือ อังกูร เสนานันท์ (เป้ง CLONE) นั่นเอง โดยที่ได้นำต้นเสียงทั้งหมดแปลงลงมาอยู่ในคอมพิวเตอร์ PC ที่ใช้กันในบ้านนั่นเอง ต้นอัดกีตาร์ที่เป็นรายละเอียดเล็กน้อยอีกนิดที่บ้านของเขาเอง และนำต้นเสียงทั้งหมดไปที่ STUDIO 79 โฮมสตูดิโอย่านหนองแขมที่เป็นของรุ่นน้องของพวกเรา "ปอ"
ที่นั่นเราได้ทำการอัดเสียงร้องอีกสี่เพลงที่เหลือจนเสร็จ และได้ทำการ MIX DOWN ที่นั่นเองโดย เป้ง แห่งวง CLONE หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการ MIX DOWN แล้ว พวกเราได้นำงานไปเข้าสู่กระบวนการ MASTERING ที่ห้องอัดขนาดใหญ่ย่านบางนา VINTAGE STUDIO โดยได้พี่สุวพันธ์ ฤทธิพงศ์ชูสิทธิ์ เป็นผู้สำเร็จกระบวนการสุดท้ายใน STUDIO ให้แก่พวกเรา
แต่ปัญหาก็ยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยที่จะต่อกรกับเราอีกเช่นเคย สังกัดเทปต่างชาติสังกัดหนึ่งที่ต้นได้ไปตกลงไว้เพื่อให้จัดจำหน่ายเพลงของ DEZEMBER เกิดไม่ยอมที่จะจัดจำหน่ายให้กับเราอีกต่อไปโดยให้ข้ออ้างว่าขัดกับนโยบาย ของบริษัท และแน่นอน พวกเราหมุนเคว้งลงนรกอีกรอบ หลังจากใช้เวลาใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วนแต่เร่งรีบอยู่สองวัน เพราะพวกเรารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ผลลัพธ์จึงได้ออกสู่ภายนอกอย่างที่เห็นกันอยู่นี้
เป็น DEZEMBER อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง
อัลบัมนี้มีชื่อว่า NATURALISM ซึ่งเป็นอัลบัมแรกของพวกเราที่ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ โดยได้นำคำนี้มาจากบางส่วนของชื่อหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า
"PHILOSOPHIAE NATURALIS PRINCIPIA MATHEMATICA"
เป็นหนังสือที่แต่งโดย SIR ISAAC NEWTON ซึ่งภายในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงกลไกหลักของธรรมชาติเชิงกายภาพเช่น แรงชนิดต่างๆ ความเร่ง ความเร็ว แรงดึงดูดโน้มถ่วง ไปจนถึงวิชา CALCULUS (วิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูงวิชาหนึ่ง) ที่มีประโยชน์มหาศาลต่อวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ไปจนถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่อยู่ในบ้านและนอกบ้านเราทุกวันนี้
เราเพิ่มตัว M เข้าไปในคำว่า NATURALIS เพื่อให้เป็น NATURALISM ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลไว้ใน DICTIONARY ของคุณ สอ เสถบุตร ว่า
“การแสดงธรรมชาติอันแท้จริง”
1993 A.D. ก่อตั้งวง
1994 A.D. คอนเสิร์ต PAIN OF DEATH การขึ้นเวทีครั้งแรกของ DEZEMBER วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2537
1994 A.D. อัลบัมแรก EP "ลัทธิซาตาน"
1994 A.D. เล่นที่ มศว. ประสานมิตร ก่อนเข้าห้องอัดทำงานชุด "วินาศกรรม"
1995 A.D. อัลบัมที่สอง LP "วินาศกรรม"
1996 A.D. ย้ายเข้าสู่สังกัด SONY MUSIC (THAILAND) CO.,LTD.
1997 A.D. ได้เป็นวงเปิดให้กับวงดนตรี DOG EAT DOG
1997 A.D. อัลบัมที่สาม LP "บาป"
1997 A.D.-1998 A.D. ตระเวน CAMPUS TOUR กับ SONY MUSIC
1998 A.D. อัลบัมที่สี่ "คลั่ง"
1998 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต DEMINIC ครั้งที่หนึ่ง วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม 2541
1999 A.D. ต้น ออกจาก SONY MUSIC
2000 A.D. ต้น ร่วมแจมในงาน DEMONIC II เล่นกีตาร์กับวง PLAHN ในเพลงที่เขาได้อัดกีตาร์ไว้กับวง PLAHN
2001 A.D. DEZEMBER รวบรวมทีมครั้งใหม่
2002 A.D. เข้าห้องอัดเสียงทำงานอัลบัมที่ห้า "NATURALISM" วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2545
2002 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต DEMONIC III วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2545
2002 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต LAST HALLOWEEN ที่ IMMORTAL BAR วันพฤหัสที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2545
2002 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต งานปิดถนนสีลม เวที ORANGE วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2545
2003 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต ROCK FEST 2003 ที่จังหวัดเชียงใหม่ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546
2003 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต HELL FEST 2003 ที่จังหวัดสงขลา พฤษภาคม พ.ศ. 2546
2003 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต PAK CHONG EXTREME MUSIC HELL ครั้งที่หนึ่ง วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2546
2003 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ตครบรอบ 18 ปี หนังสือ MUSIC EXPRESS
2003 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต LAST HALLOWEEN ที่ ZEST PUB วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2546
2004 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต ROCK FEST 2004 ที่จังหวัดเชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2547
2004 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ตเปิดอัลบัมของ EBOLA ชุด POLE วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2547
2004 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต REBORN ที่อนุสรณ์สถานวีรชน 14 ตุลาฯ รายได้และบริจาคแก่ผู้พิการซ้ำซ้อน วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2547
2004 A.D. เข้าห้องอัดเสียงที่ STUDIO 79 อัดร้องอีก 4 เพลงที่เหลือ กลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547
2004 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต DEMONIC IV วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2547
2004 A.D. เสร็จสิ้นกระบวนการ MASTERING วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2547
2004 A.D.NATURALISM วางจำหน่ายครั้งแรกจำนวนจำกัด 300 แผ่น ที่หน้างาน LINKIN PARK วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน
2004 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต PAK CHONG HELL FEST วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2547
2004 A.D. ได้เป็นวงเปิดให้กับวง SLIPKNOT ในงานคอนเสิร์ต SLIPKNOT LIVE IN BANGKOK วงเดียวที่ได้เล่นบนเวทีใหญ่ วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
2004 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต METAL MADNESS ONE ที่สนามกีฬาเทศบาลเมืองเชียงใหม่
วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2547
2005 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ต PATTAYA INTERNATIONAL MUSIC FESTIVAL 2005 ที่เมืองพัทยา
วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2548
2005 A.D. ร่วมเล่นคอนเสิร์ตในงาน HELP THE SOUTH NOW ช่วยผู้ประสบภัยสึนามิที่
BEAT HOUSE สุขุมวิท
2005 A.D. ได้รับเชิญไปเล่นในงานเปิดอัลบัมของวง กล้วยไทย ที่ DANCE FEVER
วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2548
วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553
ต.ย. ของการใช้ อารมณ์มาก่อน การตัดสินใจโง่ๆ<เรื่องความรัก>
เหตุการณ์พิษรักแรงหึงหญิงสาวใช้น้ำมันราดตัวเองแล้วจุดไฟเผานี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ภายในบ้านเลขที่ 600/3 ชุมชนตรอกโรงหมู ซอยโรงไฟฟ้า ถนนรางรถไฟสายเก่า แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
ซึ่งที่เกิดเหตุพบร่างของ น.ส.ปิยะพร บุญจันทร์ อายุ 25 ปี ผู้ก่อเหตุ นอนอยู่ที่พื้นสภาพไฟลุกท่วมตัว ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันดับไฟ ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุมักมีปากเสียงกับนายอัศวิน ควรงาม อายุ 26 ปี แฟนหนุ่มเป็นประจำ โดยมีสาเหตุมาจากความหึงหวง เนื่องจาก แฟนหนุ่มหน้าตาดี มักมีหญิงสาวมาติดพันหลายคน กระทั่งวันเกิดเหตุทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนทำให้น.ส.ปิยะพรโมโห และตัดสินใจวิ่งลงไปในครัวแล้วใช้น้ำมันราดตัวเองดังกล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความหึงหวงของฝ่ายหญิง ก่อนที่จะสั่งสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ล่าสุดแพทย์โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ น.ส.ปิยะพร ได้ถูกส่งตัวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลวิภารามแล้ว และอาการของผู้ก่อเหตุยังอยู่ในขั้นโคม่า แพทย์ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ขณะที่ผู้ป่วยพูดคุยได้เล็กน้อย และยังมีอาการช็อกตลอดเวลาเนื่องจากร่างกายขาดน้ำ
อยากจะบอกว่า ตายๆไปเถอะ รอดมาก็ลำบากคนข้างหลัง ลำบากพ่อแม่พี่น้องปล่าวๆ
โตเป็น.... แล้ว ทำอะไร สิ้นคิด
เด็กๆดูไว้แล้วอย่าเอาเป็นแบบอย่าง
รักโง่ๆๆแบบนี้อย่าไปมีรักมันดีกว่า
วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553
รวม เรื่องฮาๆ เอาไว้อ่านแก้เครียด ^^ (ล่าสุด6เรื่อง)
ป๋ม : หิวน้ำจังขอน้ำแก้วดิ
เพื่อน : นายจะดื่มอะไร ? น้ำผลไม้ โซดา ชา โกโก้ ช็อคโกแลตหรือกาแฟ ?
ป๋ม : ขอชาแล้วกัน
เพื่อน : เอาซีลอน หรือชาสมุนไพร หรือเอาบุช ? ผสมน้ำผึ้งดีมั้ยหรือเอาชาเย็น หรือชาเขียว ?
ป๋ม : เอาซีลอน ^^
เพื่อน : เอาแบบไหนเหรอ ใส่นมหรือไม่ใส่ ?
ป๋ม : ใส่นมด้วยแล้วกัน
เพื่อน : เอานมแพะ นมอูฐ หรือนมวัว ?
ป๋ม : นมวัวดีกว่า . . .
เพื่อน : เอานมจากวัวฟรีซแลนด์หรือวัวแอฟริกาดี ?
ป๋ม : เอ่อ... ไม่ต้องใส่นมก็ได้ !
เพื่อน : อยากได้หวานแบบไหนล่ะ ใส่น้ำตาลหรือว่าน้ำผึ้ง ?
ป๋ม : น้ำตาลดีกว่า . . .
เพื่อน : น้ำตาลบีทหรือน้ำตาลอ้อย ?
ป๋ม : น้ำตาลอ้อย
เพื่อน : เอาแบบขาว หรือแดง หรือว่าเหลือง ?
ป๋ม : นายลืมเรื่องชานี่ซะเถอะ.... T^T" ขอน้ำสักแก้วก็พอว่ะ !
เพื่อน : จะเอาน้ำแร่หรือน้ำกลั่น ?
ป๋ม : น้ำแร่
เพื่อน : เอาแต่งรสด้วยมั้ย? หรือว่าไม่ ?
ป๋ม : หิวน้ำจะตายอยู่แล้วโว้ยยยยย....... !!!
เพื่อน : ? ? ? ก็แค่ถาม.....
เพื่อน : แล้วจะใส่แก้วทรงไหนดีล่ะ แก้วใส ขุ่น / ทรงยุโรปทรงไทย หรือ ทรงแขกดี ?
ป๋ม : เอ่อ...ที่มัน ใส่น้ำแล้วไม่รั่วก็ได้นะจะดีมากถ้ามีน้ำแข็งด้วย !
เพื่อน : อ่า เอาน้ำแข็งแบบไหนดี ทุบละเอียดหรือก้อนกลม ( ยูนิค ) ?
ป๋ม : กลมๆละกัน...
เพื่อน : เอาแบบใหญ่ๆ หรือ เล็กๆดีล่ะ ?
ป๋ม : =_=" เอาว่า... ใส่น้ำแล้วมันเย็นอ่ะ !
เพื่อน : จานรองแก้วล่ะ เอาเป็นไม้ หรือ สแตนเลสดี ?
ป๋ม : สแตนเลส
เพื่อน : กลมๆ หรือ สี่เหลี่ยม ?
ป๋ม : เดี๋ยวตูไปแดกน้ำที่บ้าน เดี๋ยวมา....... ( เวง.... อยากจะชกซัก 1 ที )
เพื่อน : เราผิดอาราย......... -_-"
หลาน : ยาย..ยาย
ยาย : หา?
หลาน : ยายว่างไหมเนี่ย?
ยาย : ว่าง
หลาน : คุยด้วยคนนะยาย
ยาย : เอาสิหลานเอ้ย..นั่งก่อนๆ
หลาน : เอ่อ....ยายก็ลุกขึ้นสิ
ยาย : ทำไมยายต้องลุกขึ้นด้วยล่ะ
หลาน : ผมจะได้นั่งก่อน

หลาน : ยาย..
ยาย : หา...
หลาน : ยายปีนี้ดูแก่มากเลยนะยาย..อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ..?

ยาย : เมื่อ20 ปีที่แล้วยายอายุ 50 ไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังจะ50 อยู่หรือป่าว ไม่ได้นับมานานแล้ว
หลาน : โห...ยาย ป่านนี้มันไม่เหลือ 9 ขวบแล้วหรอ..แล้วลูกเต้าไม่มีหรอยายถึงมานั่งคนเดียวเนี่ย

ยาย : มี..
หลาน : อ้าว..แล้วทำไมเค้าไม่มาด้วยอ่ะ
ยาย : มีลูกชายสองคน คนหนึ่งอยู่ระยอง คนหนึ่งอยู่เชียงใหม่โน่น ลูกชายคนหนึ่งมันจะให้ยายไปอยู่เชียงใหม่...อีกคนหนึ่งจะให้ยายไปอยู่ระยอง ..ตัดสินใจไม่ถูกไม่รู้จะไปอยู่กะใครเนี่ย?
หลาน : โอ้โฮ..ยายนี่โชคดีจังเลย ลูกแย่งกันเลี้ยง

ยาย : โชคดีกะผีอะไรล่ะ...ก็นายคนที่อยู่ระยอง..มันจะให้ไปอยู่เชียงใหม่ นายคนที่อยู่เชียงใหม่..มันจะให้ไปอยู่ระยอง
หลาน : เออ..ยาย..อย่าไปคิดมากเลย อายุปูนนี้ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
ยาย : โอ้ย..แข็งแรงที่ไหนกัน ตอนนี้กำลังแย่เลยว่ะ
หลาน : แย่ที่ไหนยาย..ก็เห็นแข็งแรงดี
ยาย : เดี๋ยวนี้ยายมีอาการแปลกๆ เช่น นั่งๆอยู่เนี่ย..ถ้าลุกขึ้นปุ๊บ..มันจะยืนทุกทีเลยว่ะเป็นอะไรไม่รู้

หลาน : ลุกแล้วยืนน่ะมันธรรมดานะยาย..ยายเคยเห็นคนล้มทั้งยืนมั้ยยาย..?

ยาย : ไม่เคยว่ะ
หลาน : อยากเห็นมั้ย..?
ยาย : อย่าเลย..ยายแก่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากรู้อยากเห็นอะไร

หลาน : อ้าว..เป็นอะไรไปหรอยาย..?
ยาย : สงสัยจะแก่ตัวมาก นั่งนานๆแล้วมันจะมีปัญหา.
หลาน : มันเป็นยังงัยหรอยาย..?
ยาย : อีขาซ้ายนี่มัน...ชา
หลาน : แล้วขาขวาล่ะยาย..?
ยาย : กาแฟว่ะ..

หลาน : ผมว่ายายต้องรีบไปหาหมอแล้วล่ะ..
ยาย : ทำไมล่ะ..?
หลาน : ถ้าปล่อยไว้นานๆมันจะเป็นโอวัลตินนะยาย
ยาย : อืม..แล้วพอยืนนานๆนะ..ขาซ้ายมันจะปวด
หลาน : โอ้ย..เป็นเรื่องธรรมดายาย อายุมากแล้วนี่ มันก็ปวดสิ
ยาย : ไม่จริงหรอก..ขาข้างขวานี่ก็อายุเท่ากันไม่เห็นมันปวดเลย[*]
เรื่อง ก่อนแต่ง...หลังแต่ง
เริ่มจากก่อนแต่งงานก่อนนะ . . .
. . .
ช. ผมจะรีบทำทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเลย เพื่ออนาคตของเราทั้งสอง
ญ. คุณอยากจะไปจดทะเบียนฯ กับฉันที่อำเภอมั้ยคะ?
ช. แน่นอนที่สุด ผมภาวนาให้ได้ยินคำนี้จากปากคุณมานานแล้ว
ญ. แล้วคุณจะเลิกกับฉันมั้ยนี่?
ช. ไม่มีทางเด็ดขาดเลย ต่อให้ผมตายก็เถอะ
ญ. ถ้าฉันงอนคุณขึ้นมา คุณจะง้อฉันหรือเปล่า?
ช. สำหรับคุณแล้ว ผมจะพยายามทำทุกวิธี ที่คิดได้เลยเชียวแหละ
ญ. แล้วคุณคิดจะรังแกฉันบ้างมั้ยคะ?
ช. ผมคงต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ ถ้าจะทำอย่างนั้นกับคุณ
ญ. จูบฉันสักครั้งซิคะ
. . .
ต่อไปคือหลังแต่งงาน
. . .
หลังแต่งงานแล้ว 10 ปี...
ให้อ่านย้อนขึ้น
ถ้าเราลองเปิดช่องทีวีสลับไปเรื่อยๆ
อาจจะได้แบบนี้
เริ่ม : สวัสดีครับท่านผู้ชมทุกท่าน ช่อง 3 เปิดสถานีวันนี้เรามาพบกับ
เปลี่ยนช่อง : สินค้าสุขภัณฑ์ในครัวเรือนของคุณต้องได้รับการปกป้อง คุ้มครองจาก
เปลี่ยนช่อง : กองกำลังผสม ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา และอังกฤษได้บุกเข้าสู่
เปลี่ยนช่อง : สถาณีวิทยุโทรทัศน์ กองทัพบกช่อง 7 ร่วมกับ
เปลี่ยนช่อง : นางอองซาน ซูจี และสมาชิกพรรคเอ็นแอลดี ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ใน
เปลี่ยนช่อง : ทะเลทรายซาฮาร่า เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมายมที่รอการ
เปลี่ยนช่อง : ปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะ
เปลี่ยนช่อง : การ์ดสแลช! กิลม่อนเปลี่ยนร่างเป็น!
เปลี่ยนช่อง : ประธานาธิปดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และนายโทนี่แบล์ ได้พบปะหารือกันเพื่อ
เปลี่ยนช่อง : สุขภาพลูกน้อยของคุณ ผ้าอ้อมแพมเพอร์ส ดีต่อ
เปลี่ยนช่อง : ต่อหน้าฉัน เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
เปลี่ยนช่อง : ทำได้โดยการยิงประตูขึ้นนำในนาทีที่ 25 โดย
เปลี่ยนช่อง : อีหล้า! อีลูกไม่รักดี ตอนแกเกิดฉันน่าจะ
เปลี่ยนช่อง : โอม มะลึกกึกกึ๊ยส์ มะลึกกึกกึ๊ยส์ มะลึกกึกกึ๊ยส์
เปลี่ยนช่อง : เมื่อพระสงฆ์สวดพระคาถาจบแล้ว ลำดับต่อไป
เปลี่ยนช่อง : เชิญพบกับข่าวต่างประเทศ เราจะเริ่มกันที่การประชุม APEC ซึ่งได้ข้อสรุปว่า
เปลี่ยนช่อง : แมลงสาป น่าเกลี๊ยด น่าเกลียด ไต่กันยั๊ยเยี๊ย ทำลายข้าวของ วันนี้เรา
เปลี่ยนช่อง : ไม่รอให้ฟ้า ให้ดิน ลิขิต ไม่ปล่อยให้ชีวิตผ่านไป ไม่ว่า
เปลี่ยนช่อง : การอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ อาจมีข้อขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ในที่สุด
เปลี่ยนช่อง : สหรัฐอเมริกา ก็ประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งส่งผลให้
เปลี่ยนช่อง : คำตอบนะครับ..... ถูกต้องนะคร้าบ!!!
เปลี่ยนช่อง : ไชโย ไชโย ไชโย กินเหล้าขวดโตแล้วหาแฟนใหม่ แฟนเก่าเขา
เปลี่ยนช่อง : คือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ คือคนไทยผู้ยิ่งยง
เปลี่ยนช่อง : แล้วพบกันใหม่ วันนี้เวลา 5 นาฬิกา สำหรับตอนนี้สวัสดีครับ....
เรื่อง วิธีประหยัด
เรื่องของคุณลุงคนนึง แกทำงานอยู่ กทม. ใกล้จะเกษียณแล้วล่ะ วันหนึ่งก็มารอรถเมล์จะกลับบ้าน รออยู่คันแล้วคันเล่ารถก็ดูเต็มทุกคัน แกรออยู่ตั้งนาน เวลาก็ค่ำลงๆ ก็มีอยู่คันหนึ่ง ทำท่าว่าจะจอดรับ แต่ก็ไม่จอด แต่ลุงแกนึกว่าจะจอดก็ค่อยๆ วิ่งไล่ตามแกวิ่งไล่ตามไปเรื่อยๆ เผลอไปสักพักใหญ่ ....เฮ้ย .....ถึงบ้านแล้วนี่หว่า แกดีใจ เออดี .....ไม่ต้องเสียค่ารถเมล์ 8 บาท แกดีใจ ใหญ่เลย กลับไปเล่าให้เมียฟัง
ลุง : นี่เธอจ๋า .. วันนี้พี่วิ่งไล่ตามรถเมล์มานะ ถึงบ้านพอดี ตังค์ก็ไม่ต้องเสียตั้ง 8 บาทล่ะ
เมีย : (พอได้ยินแทนที่จะดีใจไปด้วยกลับด่าส่ง)... ไอ้แก่จะตายแล้วยังจะโง่อีก

ลุง : อ้าวมาด่าชั้นทำไมล่ะ

เรื่อง อย่านึกว่าโง่ (ฌองโปลผู้ยิ่งใหญ่)
เป็นเรื่องของนักสืบ ฌองโปลผู้ยิ่งใหญ่
ซึ่งได้ใช้ความสามารถสืบจับนักโทษแหกคุกนายหนึ่งได้ที่กลางถนนกรุงวอร์ซอ
ขณะฌองโปลตั้งท่าจะใส่กุญแจมือนักโทษผู้นั้น
ก็เผอิญมีลมพัดมาวูบหนึ่ง หอบเอาหมวกของยอดนักสืบลอยไป
"ให้ผมไปเก็บให้เอามั๊ย" นักโทษนายนั้นเสนอขึ้น


"ยืนคอยอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะเป็นคนไปหยิบเอง"
วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
สถาปนิก คืออะไร What's Architecture
คือนักออกแบบที่การออกแบบทุกอย่างนั้นต้องผ่านขบวนการคิดวิเคราะห์ต่างๆถึงจะออกมาเป็นผลงานได้
บางคนอาจจคิดว่า การสร้างสิ่งก่อสร้างแค่แปลกๆก้อดังแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้น
ผมจะยกเคสตัวอย่างให้
1. โรงพยาบาล สถาปนิกต้องรู้ทุกอย่างถึงกิจจกรรมที่เกิดขึ้นที่นั่นเช่น หมอต้องทำอะไรมั่งในห้องผ่าตัด บริเวณที่โครงการคน
มีคนไข้เยอะมั้ยต่อวัน ทำให้การออกแบบแต่ละครั้งแต่ละที่จะไม่เหมอืนกัน
2. บ้าน สถาปนิกจะต้องรู้ว่า ผู้อาศัยกลับเวลาไหน ตื่นกี่โมงต้องทำอะไรมั่งในแต่ละวัน ทำงานอะไรมีรถมั้ย เดินทางยังไง
ผุ้อาศัยมีอารมณืแบบไหน และอีกมากมายที่ต้องวิเคราะห์
นี่เป้นยกตัวอย่างคร่าวๆว่า ก่อนที่เค้าจะออกแบบได้นั้นข้อมูลพวกนี้มันจะต้องวิ่งอยู่ในหัวตลอดเพื่อขบวนการคิดที่อ้างอิงจากผู้ใช้สอย
อย่างบางคนที่บอกว่า สร้างแปลกๆเข้าว่าสินะ ลองไปถามได้เลยครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้เค้าตรอกคุณกลับหน้าหงายแน่
เพราะฉะนั้นผมอยากจะบอกว่า อย่าดูถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็น นักออกแบบ ทุกงานที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นได้ผ่านขบวนการคิดมาหมดแล้ว
เอาเป็นว่าคณะสถาปัตย์นั้นเรียน 1วิชาในหนึ่งวัน เท่ากับคณะอื่นบางคณะเรียน 3 วิฃาใน1วันเลยนะครับ
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
หอเอน เมืองปิซ่า

เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี
หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา
กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้
ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา
ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง
ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย
นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซานี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จอีกด้วย*